คำนาม คือ คำที่ใช้เรียกชื่อ คน สัตว์ สิ่งของ อาการ สภาพ และลักษณะสถานที่ ทั้งสิ่งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต ทั้งรูปธรรมและนามธรรม คำนามแบ่งออกเป็น 5 ชนิด คือ
1. สามานยนาม คือ คำนามสามัญที่ใช้เรียกชื่อสิ่งของต่าง ๆ โดยไม่เจาะจง หรือชี้เฉพาะ เช่น คน แม่ ไก่ ถนน บ้าน เป็นต้น สามานยนามบางคำมีคำย่อยบอกชนิดย่อย ๆ ของนามนั้น เช่น คนไทย แม่บ้าน ไก่แจ้ โรงเรียนมัธยมศึกษา เป็นต้น
ตัวอย่าง - แมวชอบกินปลา
2. วิสามานยนาม คือ คำนามที่ใช้เรียกชื่อเฉพาะของคน สัตว์ สิ่งของ หรือคำเรียกบุคคล สถานที่ เพื่อเจาะจงว่าเป็นคนไหน สิ่งใด ที่ไหน เช่น โรงเรียนพนัสพิทยาคาร นวนิยาย เรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์ อำเภอพนัสนิคม นางสาวราตรี เป็นต้น
ตัวอย่าง - ปฐมาภรณ์และวทันยาเป็นเพื่อนสนิทกัน
3. ลักษณนาม คือ คำนามที่ทำหน้าที่ประกอบคำนามอื่น เพื่อบอกรูปร่างสัณฐาน ปริมาณ การจำแนก เวลา วิธีทำ และลักษณนามอื่น ๆ หรือคำซ้ำคำนามที่กล่าวก่อน จำแนกได้ดังนี้
ตัวอย่าง - กุสุมาซื้อข้าวเม่าทอดจากตลาด 3 แพ
ตัวอย่าง - พัชราภรณ์ไม่ไปโรงเรียนวันนี้เพราะมีเหตุผลหลายประการ
ตัวอย่าง - วาริศาซื้อรองเท้าใหม่ 2 คู่
ตัวอย่าง - ครูเตือนนวลลักษณ์หลายหนเรื่องลอกการบ้านเพื่อน
ตัวอย่าง - ธารวีกินขนมจีนแค่ 3 จับก็อิ่ม
ตัวอย่าง - อนุกูลมีขลุ่ย 2 เลา
4. สมุหนาม คือ คำนามบอกหมวดหมู่ของสามานยนาม และวิสามานยนามที่รวมกันมาก ๆ ได้แก่คำว่า คณะ กอง หมู่ ฝูง โขลง พวก กลุ่ม ฯลฯ
ตัวอย่าง - โขลงช้างทำลายไร่ข้าวโพดเสียหายหมด
5. อาการนาม คือ คำเรียกนามธรรม คือใช้เรียกสิ่งที่ไม่มีรูปร่าง ไม่มีขนาดแต่สามารถเข้าใจได้ ส่วนใหญ่จะมีคำว่า “การ" และ “ความ" นำหน้า
คำว่า “การ"
จะนำหน้าคำกริยา เช่น การเรียน การเล่น การวิ่ง การเดิน การกิน การอ่าน เป็นต้น
คำว่า “ความ"
1. ใช้นำหน้าคำกริยาที่เกี่ยวกับจิตใจ หรือมีความหมายในทางเกิด มี เป็น เจริญ เสื่อม เช่น ความคิด ความฝัน ความรัก ความตาย ความทุกข์ ความเจริญ เป็นต้น
2. ใช้นำหน้าคำวิเศษณ์ เช่น ความดี ความเร็ว ความสูง ความถี่ ความหรูหรา เป็นต้น
ข้อควรสังเกต คำว่า “การ" และ “ความ" ถ้าไม่ได้นำหน้าคำกริยาและคำวิเศษณ์ จะเป็นคำ สามานยนาม เช่น การบ้าน การเรือน การไฟฟ้า การประปา ความแพ่ง ความอาญา เป็นต้น
หมายเหตุ
1. ลักษณนามบางคำ ใช้ซ้ำกับคำนามที่กล่าวมาแล้ว เช่น โรงเรียนหลายโรงเรียน เป็นต้น
หน้าที่ของคำนาม
- ธีรภัทร์ซื้อของขวัญให้เบญจกานต์ (ของขวัญเป็นกรรมตรง เบญจกานต์เป็นกรรมรอง)