พันธุ์ ได้แก่ Cobra (คอบร้า) Tuxedo (ทักซิโด้) Mosaic (โมเสค) Grass (กร๊าซ) และ Sword tall ( นกยูงหางดาบ) พันธุ์เหล่านี้ได้รับการปรับปรุงให้มีลักษณะสวยงาม
แข็งแรงลำตัวใหญ่สมส่วน ไม่คดงอ มีการทรงตัวปกติ ครีบหางใหญ่ไม่หักพับขณะว่าย
และที่สำคัญมีสีสันลวดลายตรงตามสายพันธุ์ สำหรับวิธีเลี้ยงปลาหางนกยูงให้มีสีสันสวยงาม
เพื่อให้ได้ราคาดี มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
[img width="32" height="32" src="file:///C:/Users/lenovocz/AppData/Local/Temp/msohtml1/01/clip_image001.gif" v:shapes="_x0000_i1025"> เลี้ยงปลาหางนกยูงแบบมืออาชีพ
ปลาหางนกยูงเป็นปลาที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง
กินสัตว์น้ำตัวเล็กเป็นอาหาร รวมทั้งลูกปลาตัวเล็กๆ ที่เกิดใหม่ด้วย
เมื่อปลามีอายุประมาณ 3 เดือนก็สามารถผสมพันธุ์ได้แล้ว
ดังนั้นผู้เลี้ยงจึงต้องแยกปลาเพศผู้กับเพศเมียไว้คนละบ่อ เพื่อป้องกันการผสมพันธุ์กันเอง
การแยกเพศทำได้เมื่อลูกปลามีอายุประมาณ 1 เดือนขึ้นไป
วิธีเลี้ยงปลาหางนกยูง มีขั้นตอน ดังนี้
เตรียมบ่อ
ที่ใช้เลี้ยงตามต้องการ ทำความสะอาด ผึ่งแดดให้แห้ง
หลังจากนั้นเปิดน้ำใส่แช่ทิ้งไว้ 1 วัน ก่อนปล่อยปลาลงเลี้ยง
น้ำที่ใช้ใส่บ่อเลี้ยงปลา
ต้องเป็นน้ำสะอาด
น้ำประปา
ต้องไม่มีคลอรีนเจือปนอยู่ โดยพักน้ำทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์
น้ำบาดาล
ทำเช่นเดียวกับน้ำประปา คือพักน้ำทิ้งไว้ 1 สัปดาห์
และเติมออกซิเจนตลอดเพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ
ดูค่าความเป็นกรด ด่าง (pH)
โดยใช้กระดาษทดสอบค่า pH จุ่มในน้ำ
แล้วนำสีที่ได้มาเทียบค่า ให้มีค่าประมาณ 6.5 – 7.5 (กระดาษทดสอบหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์เลี้ยงปลาทั่วไป)
[img width="32" height="32" src="file:///C:/Users/lenovocz/AppData/Local/Temp/msohtml1/01/clip_image001.gif" v:shapes="_x0000_i1031"> อาหารของปลาหางนกยูง
สำหรับอาหาร
ปลาหางนกยูง จะกินสัตว์น้ำขนาดเล็ก ซึ่งเรียกว่าอาหารสดจำพวก ลูกน้ำ ไรแดง
ไรสีน้ำตาล ไรทะเล ที่มีชีวิต หรืออาหารปลาสำเร็จรูปที่มีขายตามท้องตลาด
อาหารควรให้ 2 เวลา คือ ตอนเช้าและตอนเย็น
ตอนเช้าควรเป็นอาหารสดที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว โดยนำไปแช่ด่างทับทิม
ขั้นตอนคือนำด่างทับทิมประมาณหยิบมือ ละลายน้ำ นำไรแดง หรืออาหารสดอื่นๆ
ลงแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 วินาที แล้วล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง
ตอนเย็นอาจเปลี่ยนไปให้อาหารสำเร็จรูปแทนได้ เมื่อให้อาหารปลาเสร็จแล้ว
ควรดูว่าปลากินหมดหรือไม่ ให้น้อยไปหรือไม่ สังเกตได้จากปลากินหมดเร็วมาก
ก็ให้เพิ่มอีก แต่หากให้อาหารเยอะไปมีเศษอาหารเหลือ ให้ตักทิ้ง อาหารสดที่กล่าวมา
สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายปลาสวยงามทั่วไป หรือที่ตลาดนัดสวนจตุจักร สิ่งสำคัญ
ควรให้อาหารสดจำพวกไรแดง ไรทะเล ดีกว่าให้อาหารสำเร็จรูป
เพราะปลาจะได้มีสีสันที่สวยงาม
[img width="32" height="32" src="file:///C:/Users/lenovocz/AppData/Local/Temp/msohtml1/01/clip_image001.gif" v:shapes="_x0000_i1032"> การทำความสะอาด
ในแต่ละสัปดาห์
ควรดูดน้ำก้นบ่อเอาขยะออก และให้เหลือน้ำเก่าประมาณครึ่งบ่อ จากนั้นจึงเติมน้ำใหม่ลงไป
สาเหตุที่ไม่เทออกทั้งหมด เพื่อให้ปลาปรับตัวได้ และในสัปดาห์ที่ 4 ของเดือน ให้ล้างทำความสะอาดบ่อและเปลี่ยนน้ำใหม่
[img width="32" height="32" src="file:///C:/Users/lenovocz/AppData/Local/Temp/msohtml1/01/clip_image001.gif" v:shapes="_x0000_i1033"> ระวัง! ภัยจากโรคร้าย
โรคจุดขาว จะพบตามผิวหนังด้านนอก
เนื่องจากปลาสร้างเซลล์ผิวหนังหุ้มสัตว์เซลล์เดียวที่ชื่ออิ๊ค
เพื่อลดความระคายเคือง โรคนี้ไม่มีวิธีรักษา แต่สามารถทำลายตัวอิ๊คในน้ำ
โดยใส่ฟอร์มาลิน 25 –30 ซีซี ผสมกับมาลาไค้ท์กรีน 0.1 กรัม ต่อน้ำ 1,000
ลิตร แช่ทิ้งไว้ตลอด
ทำซ้ำ 3–4 วัน เป็นเวลา 1 สัปดาห์
โรคจากตัวปลิงใส จะพบตามเหงือกและผิวหนัง ซึ่งเกิดจากปรสิตตัวแบน 2 ชนิด
คือ Gyrodactylus และ Dctylogyrus การรักษาใช้ฟอร์มาลินเข้มข้น
40 ซีซี ต่อน้ำ 1,000 ลิตร แช่ไว้ตลอด
โรคจากหนอนสมอ การรักษาใช้ดิพเทอร์เรกซ์เข้มข้น 0.25 – 0.50 กรัม ต่อน้ำ 1,000
ลิตร แช่ทิ้งไว้ตลอด
และทำซ้ำ 3–4 ครั้ง โดยห่างกัน 1 สัปดาห์
วิธีนี้สามารถรักษาโรคจากตัวปลิงใสได้ด้วย
โรคจากแบคทีเรีย อาการสังเกตจากส่วนครีบและหางกร่อน ท้องบวมน้ำ เกล็ดพอง
การรักษาต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ไนโตรฟูราโซน 1–2 กรัม
ต่อน้ำ 1,000 ลิตร
หรือใช้เกลือแกงเล็กน้อยละลายน้ำ แช่นาน 2–3 วัน
เมื่อพบปลาที่เป็นโรคควรแยกออกจากบ่อ
แล้วทำการรักษาตามอาการที่พบ จากนั้นล้างทำความสะอาดบ่อทันที
เพื่อไม่ให้ปลาในบ่อทั้งหมดติดโรคไปด้วย สารเคมีที่ใช้ในการรักษาโรค
หาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์การเลี้ยงปลาสวยงามทั่วไป หรือที่ตลาดนัดสวนจตุจัก